วันนี้ใครที่กำลังเรียนจบม.ปลาย คงต้องเจอปัญหาแบบเราแน่ๆ เลย เราชื่อ "อ๋อมแอ๋ม" กำลังจบสายวิทย์-คณิตฯ ภาคอินเตอร์ของโรงเรียนชื่อดัง ตอนนั้นเราอึดอัดใจมาก มีปัญหากับพ่อแม่ ทะเลาะกันบ่อยๆ มาตั้งแต่ ม.5 แล้ว ทุกครั้งที่ปรึกษาเรื่องการเลือกที่เรียนต่อ จะเรียนมาหวิทยาลัยไหนดี จะเรียน
ในไทย หรือไปต่างประเทศ เราเองบอกตามตรงไม่ได้ถนัดกับการเรียนสายวิทย์-คณิตฯ เลย ยิ่งเรียนเกรดยิ่งตก เพราะมันยากเสียเหลือเกิน แต่ถ้าเป็นวิชาเสริม ประเภท ออกแบบ ภาษา วาดภาพ เรากลับทำคะแนนได้ดีมาก ชนะการประกวดของโรงเรียนก็บ่อย แต่พ่อกับแม่เราก็ตำหนิวว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ
.....ถ้าเป็นเพื่อนๆ อ่ะ จะทำยังไง พูดกับพ่อแม่ยังไง
จนพอมาคืนวันคริสมาสต์ที่ผ่านมา เราได้คุยกับรุ่นพี่คนนึงที่จบไปตั้งแต่ 8 ปีที่แล้วในงานคืนสู่เหย้าชื่อ "พี่นีน่า" แล้วพี่เค้าแชร์ประสบการณ์เดียวกับเราให้ฟัง พี่เค้าก็ถูกพ่อแม่บังคับให้เรียนเหมือนกัน จะส่งให้เรียนพยาบาลที่ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่พี่เค้ารู้ตัวเองว่า "ไม่มีทางเป็นไปได้ และไม่ไหวแน่ๆ" แต่พี่เค้าเป็นคนที่แน่วแน่มาก และยืนกรานว่าจะพิสูจน์ให้พ่อแม่เห็นว่า "ถ้าเค้าเลือก รักอะไรแล้ว เค้าจะต้องทำมันให้ดีที่สุด ไม่เชื่อก็คอยดู !!!" สุดท้ายพี่เค้าตัดสินใจไปเรียนกับเพื่อนสนิทที่จบสายศิลป์คำนวณ ไปสมัครเรียนปริญญาตรีต่อด้านแฟชั่นดีไซน์กับมหาวิทยาลัยนานาชาติชื่อ "Raffles International College, Bangkok" วิทยาลัยนานาชาติแห่งนี้อยู่ในประเทศไทยนี่แหละ แต่พอเรียนจบจะได้ปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยนอร์ธธัมเบรีย์ (Northumbria University Newcastle) พอเราฟังแล้ว "โอ้โห หัวใจพองโตเลย" เพราะเหมืแนเป็นประตูสวรรค์ พาเราไปสู่ความสำเร็จในสิ่งที่ชอบเหมือนกันเป๊ะเลย !!!!! งานนี้เราเลยสัมภาษณ์พี่เค้าเกี่ยวกับเรื่องเรียน และธุรกิจห้องเสื้อที่ไทยกับอังกฤษ ที่พี่นีน่ากับเพื่อนหุ้นกันทำ
พี่นีน่ากับเพื่อนเล่าว่า พวกเค้าเรียนปริญญาตรีภายใน 3 ปีเอง !!! จาก Raffles Bangkok คนนึงเรียนจบด้านบริหารธุรกิจ, ส่วมพี่นีน่าเองเรียนจบด้านแฟชั่นดีไซน์ ซึ่งเป็นคณะนางเอกของที่นี่ เพราะ Raffles International College มีชื่อเสียงด้านนี้ เพราะเป็นสถาบันด้านแฟชั่น ออกแบบดีไซน์แห่งแรกของประเทศไทย สร้างนักธุรกิจหน้าใหม่ป้อนตลาดทั้งในและต่างประเทศ สถาบันนี้มีสาขาเกือบทั่วโลกทั้งเอเซีย, อเมริกา, ยุโรป ฯลฯ อาทิ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย กัมพูช จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย อิตาลี อินเดีย ฯลฯ พี่นีน่าตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่ เพราะมีคณะวิชาตอบโจทย์ความต้องการของเค้าได้ ที่สำคัญ คือ พอปี 3 สามารถเลือกเรียนได้ด้วยว่า จะเรียนในประเทศ หรืออังกฤษ ก็ Northumbria University Newcastle ได้ด้วยอ่ะ เพราะเป็นมหาวิทยาลัยพันธมิตรกันอยู่ และสุดท้ายพี่ทั้ง 2 ก็เลือกเรียนต่อที่ Northumbria University
พี่นีน่าเล่าว่า ตอนเริ่มเรียนแรกๆ แกอาจจะเกเรบ้าง โดดเรียนไปหางานเสริมทำบ้าง แต่ด้วยความที่อาจารย์เคร่ง เข้มงวด ติดตามใส่ใจเด็กเป็นอย่างดี ทั้งโทรหา ส่งอีเมล์ แถมในคลาสก็เนื้อหาแบบหัวกะทิข้นเชียว ไม่ต่างกับเรียนที่อังกฤษเลย แถมการเรียนร้อยละ 90 เป็นภาคปฏิบัติ (Active & Practical Learning) ภาคทฤษฎี (Theory Learning) ก็ร้อยละ 10 ประมาณว่า คิด วางแผน สร้างสรรค์ ลงมือทำเองจริงจัง เสมือนกำลังเริ่มทำธุรกิจเองเลยอ่ะ หนักสุดก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอง แต่บรรดาอาจารย์ก็คอยเป็นพี่เลี้ยง แนะนำ ให้คำปรึกษาได้ตลอดเวลา แต่ที่ชอบมากคือ สไตล์การให้คำปรึกษานี่แหละมันดีมากๆ เพราะเค้าจะบอกเราแค่ครึ่งๆ แล้วให้เราหัดคิดต่อ พลิกแพลง ประยุกต์เอง อีกอันที่ลืมไม่ลงคือ สนามสอบ ก็สนามสอบที่นี่ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่ต้องท่องข้ามวันข้ามคืน แล้วละเมอกาข้อสอบ แต่ห้องสอบที่นี่คือ เวที หรือสถานที่สาธารณะจริงๆ เหตุการณ์จริง และนั่นเหมือนเป็นประตูสู่ธุรกิจให้นักเรียนตั้งแต่เรียนไม่จบ อ้าวงงๆ กันแล้วสิกับสนามสอบที่ว่านี้มันเป็นยังไงกันแน่
สนามสอบไล่ปี 2 คือ โรงแรมแห่งนึ่ง ในการเดินแฟชั่นโชว์ร่วมกับนิตยสารหัวนอกชื่อดัง ซึ่งในงานนี้ พี่นีน่าได้ฉายแววความเป็น "นักแฟชั่นดีไซน์เนอร์จูเนียร์" ออกมาอย่างเด่นชัด จนไปทิ่มลูกตากรรมการจนจ้างให้เธอเป็น Brand Ambassador @ Paris ออกแบบแฟชั่นให้แบรนด์เค้าไปปริยาย สาเหตุที่พี่นีน่าได้โอกาสนี้เพราะ แฟชั่นเสื้อผ้า คอนเซ็ปต์ ไปจนถึง DNA ของพี่นีน่ามันคลิ๊กกับเค้าโดยบังเอิญ ก็สามารถออกแบบแฟชั่น East Meet West Style ได้อย่างอลังปังงานสร้าง พี่นีน่าร่วมงานแค่ 2 ปีพอหมดสัญญาก็กลับมาเปิดธุรกิจห้องเสื้อกับเพื่อนสนิททันที สำหรับธุรกิจก็ไปได้สวยในเวลาอันรวดเร็วขยายสาขาในเวลา 2 ปี เพราะพวกเค้าเหมือนไม่ต้องเริ่มเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเลย ทุกอย่างเรียนรู้ ลองทำ ลงมือจริงหมดแล้วตั้งแต่ในวิชาเรียนของที่ Raffles Bangkok พอพี่นีน่าเล่าจบเราขอเบอร์ อีเมล์ติดต่อเอาไว้เลย และขอยกให้พี่เป็นไอดอลของเราด้วย
3 ปีผ่านไป เราเพิ่งเรียนจบด้านแฟชั่นดีไซน์ และเลือกเรียนที่ Northumbria University เหมือนกัน เพราะอยากเรียนไทยถูกกว่าไปเรียนสิงคโปร์ แถมได้เก็บเงินเตรียมเริ่มทำธุรกิจด้วย ขอพ่อแม่นิดหน่อย จนมาถึงตอนนี้ เราเป้นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าเอง และเริ่มมีรับจ้างออกแบบเสื้อยูนิฟอร์มให้บริษัทต่างๆ 5-10 บริษัทแล้ว
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางครั้งสิ่งที่พ่อแม่ บังคับและเลือกให้ลูกก็อาจจะไม่ใช่ ไม่ดีทั้งหมด แต่ที่สำคัญคือ แต่ละคนต้องหาตัวตน ความสนใจ ความชอบ ถนัดของตนเองให้เจอ และต้องลงมือทำให้สุดๆ และดีที่สุด แต่ยังไงเราไม่เคยโกรธพ่อแม่เลยที่บังคับเรา หากแต่ต้องขอบคุณท่านที่ยอมรับฟัง ให้โอกาสลูก คิด เลือก ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และให้การสนับสนุนอย่างดีถึงแม้ไม่เต็มใจช่วงแรก ๆ
"Do What You Love .... Love What You Do"
5 Moo 15 Soi Premruethai 10 Bangna-Trad 37 Rd. Kingkaew
Bangplee Samut
Prakarn 10540; Thailand
Tel : (+66) 21 021 5666
Website : www.raffles.ac.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น