6  Steps to be Fashion Designer
บันได 6 ขั้นสู่อาชีพนักออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้ามือพระกาฬ 




ปัจจุบันนี้ จะสังเกตเห็นว่าหลายคนพยายามเสียเวลา ค้นหาความสนใจ  หาแรงบันดาลใจ  ความถนัดของตัวเองว่าจะเก่งถนัดด้านไหน  แต่เชื่อไหม “นักออกแบบ”  เป็นกลุ่มอาชีพต้นๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง  แต่นักออกแบที่ว่าก็มีด้วยกันหลายสาขาทั้ง ออกแบบแฟชั่นดีไซน์,  ออกแบบศิลปะวัตถุ, ออกแบบอัญมณี, ออกแบบแอนนิเมชั่น ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะออกแบบสาขาไหนก็ตามต้องอาศัยทั้งพรสวรรค์ และพรแสวงควบคู่กันเสมอ แล้วถ้าเราจะมาพูดถึงเฉพาะอาชีพนักออกแบบแฟชั่นล่ะ  คนประเภทไหน หรือแต่ละคนต้องทำอย่างไรถึงได้ขึ้นชื่อว่า   “นักออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้ามือพระกาฬ”  มาถอดบทเรียน สังเคระห์กันดูว่า คุณๆ มีครบ 6 ข้อดังต่อไปนี้หรือไม่

Step 1 : Originality  มีความคิดสร้างสรรค์ในแบบของตนไม่ซ้ำใคร
สำหรับนักออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้าแล้ว  การมีความคิดสร้างสรรค์ที่หลุดโลก แต่ประยุกต์ได้กับโลกแห่งความจริง ถือว่าเป้นสิ่งที่สำคัญที่สุด  และทุกคนจะเริ่มเป็นนักออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้าไม่ได้เลยถ้าขาดสิ่งนี้ “ความคิดสร้างสรรค์ ในแบบของตน หรืออัตลักษณ์ตัวเองที่ไม่ซ้ำ ลอกเลียนแบบใคร  พูดง่ายๆ คือ ยิ่งคิดคนแรก ย่อมมีโอกาสเป็นผู้นำแฟชั่นได้ไม่ยาก



Step 2 : Sketching การร่างความคิดสร้งสรรค์นั้นๆ โดยการสเก็ตซ์ภาพ
สิ่งที่สำคัญรองต่อมาจากการเกิดความคิดสร้างสรรค์แล้ว คือ “การร่างความคิดสร้งสรรค์นั้นๆ โดยการสเก็ตซ์ออกมาให้เป็นภาพเสมือน  มีชีวิต  สีสันอยู่บนกระดาษ ก่อนวาดภาพ แต่สี ปรับปรุงแก้ไขแบบให้ตรงความต้องการที่สุด ก่อนที่จะกลายร่างเป็นชิ้นงานจริงในอนาคต





Step 3 : Pattern การวาดแบบทำแพทเทิร์น
สำหรับขั้นตอนนี้  ในยุคปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีด้านสารสนเทศก้าวไกลไปมาก นักออกแบบแพทเทิร์นจึงมีหลายตัวช่วยให้เลือกใช้เหมาะสมตามความต้องการ โอกาส ระยะเวลา ฯลฯ แล้วตัวช่วยนักแพทเทิร์นได้อย่างไร
ตัวช่วยที่ 1 Manual Pattern  ก็คือวิธีการออกแบบแพทเทิร์นของนักออกแบบสมัยเก่าที่ออกแบบแพทเทิร์นด้วยการร่างมือเอง  มีการวัดขนาด กำหนดขนาด  กำหนดองค์ประกอบเอง ในทุกองค์ประกอบของชิ้นงาน ซึ่มีข้อดีที่มีความถูกค้อง ยืดหยุ่นดูเป็นธรรมชาติเวลาสวมใส่ แต่มีข้อเสียใช้เวลา ยุ่งยากมากกว่า แต่เชื่อไหมวิธีนี้กลับเป็นวิธีที่ช่างแพทเทิร์นมืออาชีพฉมังเลือกใช้มากที่สุด
ตัวช่วยที่ 2 Pattern Software/Application    ใช่แล้วจะเรียกว่าเป็นช่างแพทเทิร์นโรบอทก็ไม่ผิด  เพราะปัจจุบันนี้มีนักพัฒนาออกแบบโปรแกรม  ได้พัฒนาโปรแกรมออกแบบแพทเทิร์นสำเร็จรูปมาให้นักแพทเทิร์นทั้งมือใหม่ และมืออาชีพเลือกใช้ แต่วิธีนี้ส่วนมากนักแพทเทิร์นมือใหม่ / มือสมัครเล่นมักเลือกใช้มากกว่า   เพราะทุ่นทั้ง แรง เวลา เพราะนักแพท เทิร์นมือใหม่ส่วนมากยังขาดความแม่นยำในเรื่องของ  การคาดคะเนองค์ประกอบ การวัดขนาดยังไม่แม่นยำเพียงพอ แล้วอยากรู้ไหม โปรแกรมอะไรที่ได้รับความนิยมในการใช้งานมากสุด นั่นก็ได้แก่  CAD Pattern Design, Poly Pattern Design, Fashion Design Software, TexPro Design CAD System Textile หรือ Lectra Modaris Pattern นั่นเอง อ้าวใครเคยลองใช้ตัวไหนแล้วบ้าง แชร์ความคิด ประสบการณ์กันได้นะ



Step 4 : Texture การเลือกเนื้อผ้า
ก่อนที่จะเสื้อผ้าแฟชั่นจะดูโดเด่น อลัง เก๋หรู ครบทั้งแพทเทิร์น  สี  สไตล์ การออกแบบแล้ว “เนื้อผ้าที่เหมาะสม” ก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ  เพราะบางครั้ง แบบเสื้อผ้า สี ที่เหมือนกันทุกอย่าง แต่ใช้เนื้อผ้าต่างประเภท  ราคาก็สามารถต่างกันลิบได้อย่างน่าอัศจรรย์ แล้วการเลือกเนื้อผ้าต้องเลือกจากอะไร  หลายท่านคงอยากทราบ สำหรับการเลือกเนื้อผ้านั้น อาศัยทั้งหลักการ  อารมณ์ขณะสวมใส่  ความชอบ ความเหมาะสม บางครั้ง อากาศ อุณหภูมิก็ต้องมีส่วนประกอบในการเลือกด้วยเช่นกัน


Step 5 : Fitting การทดลองสวมใส่จริงและตัดแก้ไข
ขั้นตอนนี้ ถือเป็นขั้นตอนสำคัญเกือบสุดท้ายก่อนเข้าสู่การผลิตตัดเย็บจริงจัง นั่นก็คือ Fitting การทดลองสวมใส่จริงและตัดแก้ไขส่วนผิดพลาด  โดยขั้นตอนนี้นายแบบ หรือนางแบบ หรือผู้สวมใส่เองจะต้องมาสวมใส่ชุดจริงที่ผลิตแบบคร่าวๆ ก่อนวัด ตัด แก้ขส่วนเว้า ส่วนโค้ง ส่วนผิดพลาดเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ที่สวมใส่จริง เพราะถ้าแบบผลิตตามแบบที่ออกมาโดยไม่มีการ Fitting แล้วหากพบข้อผิดพลาดหลังสวมใส่ นั่นหมายถืง การนับ 1 เข้าสู่ขั้นตอนการผลิตใหม่ทั้งหมด ทำให้เสียทั้งเวลา ต้นทุนไปโดยปริยาย
เคล็ดลับระยะเวลา Fitting เสื้อผ้าก่อนวันจริง ถ้าเป็นเจ้าบ่าว เจ้าสาวก็จะประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ (ที่สำคัญต้องควบคุมสัดส่วนด้วย) แต่ถ้าเป็นชุดออกงานเลี้ยงส่วนมากอย่างน้อยสุด 5 - 7 วัน



Step 6 : Tailor & Sewing การตัดเย็บผลิตชิ้นงาน
และแล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายในการตัดเย็บผลิตชิ้นงาน โดยขั้นตอนนี้ก็ถือว่าต้องอาศัยทั้งความชำนาญ ละเอียด รอบคอบ ตัดเย็บให้เป้นไปตามแบบทั้งหมดที่เราได้ทำมาทั้ง 5 ขั้นตอน จะเรียกว่าเป็นการเก็บหน้างานก็ไม่แปลก เก็บตกให้ครบ แก้ทุกตะเข็บนั่นจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ชิ้นงานได้มาก

หากคุณทำครบ 6 Steps Up แล้วก็ก้าวสู่เวทีประชันฝีมือนักออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้ามือพระกาฬระดับจังหวัด ประเทศ หรือยันระดับโลกก็ยังได้ แต่ แต่ !!!!! อย่ามัวแต่หลงระเริงกับรางวัล  คำชมเชย จนลืมฝึกปรือ ฝีมือ  ตามติดเทรนด์แฟชั่นที่หมุนทุกวันให้เท่าทัน ไม่เช่นนั้น  ความภูมิใจนั้นจะอยู่ให้ชื่นชมได้ไม่นาน

แต่สำหรับว่าที่นักออแบบแฟชั่นหน้าใหม่ ที่สนใจก้าวเข้าสู่วงการนี้ ถือว่าเป็นโอกาสทองไม่น้อย เพราะปัจจุบัน จะเห็นว่ามีทั้ง สถาบันอบรม เล็ก กลาง ยันระดับมหาวิทยาลัย เริ่มเปิดสอนพัฒนานักออกแบบแฟชั่นหน้าใหม่ป้อนตลาดกันมากขึ้น  แล้วสงสัยใช่ไหมจะเลือกเรียนที่ไหนดี???  ฝากข้อคิดเล็กๆ นะ
ถ้าเป็นสถาบันสอนอบรมตัดเย็บขนาดเล็ก หรือระยะสั้นๆ จะสอนแค่ ความรู้ในเชิงเทคนิค กับปฏิบัติมากกว่า เน้นจะสอนวิธีการว่าตัดเย็บอย่างไร บางโรงเรียนมีแบบแพทเทิร์นสำเร็จให้ หรือสอนเชิงพื้นๆ  ดังนั้น ผู้เรียน อาจจะไม่มีความรู้ทางทฤษฎี และประยุกต์ไปได้มากกว่าที่เรียนมในคลาสเท่าที่ควร  ส่วนมากจะเรียนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเปิดร้านแค่ซ่อม เย็บมากกว่าตัดขึ้นรูป หรือชิ้นงาน  สำหรับค่าเรียนก็แพงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับชื่อเสียงขอสถาบัน  ระยะเวลาก็เน้นสั้นแบบเลือกได้ เน้นนับจำนวนชั่วโมงสอน    

สำหรับสถาบันสอนอบรมการออกแบบแฟชั่นขนาดใหญ่ขึ้นไป ไปจนถึงระดับวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย  จะมีความแตกต่างในวิธีการเรียน  การสอนอย่างสิ้นเชิง   และสิ่งที่ผู้เรียนได้รับก็ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน   เพราะสถาบันต่างๆ นี้ มักจะสอนให้ผู้เรียนเข้าใจทุกบริบทของคำว่า “แฟชั่น”  รู้จักอย่างลึกซึ้งตั้งแต่ที่มา ประวัติของแฟชั่น  ทุกกระบวนการในการออกแบบ  เขียนแพทเทิร์น  ขึ้นโครงชิ้นส่วนต่างๆ  ตัดเย็บ จนขึ้นรูปชิ้นงานจริง สวมใส่ได้ดูดี  รวมไปถึงการเรียนรู้  วิเคราะห์   พร้อมลงมือทำในเชิงธุรกิจอย่างจริงจัง”  ดังนั้น  ผู้ที่เรียนในสถาบันเหล่านี้จึงมีความได้เปรียบอยู่มากกว่าสถาบันแบบแรก   รูปแบบการเรียนการสอนสถาบันระดับนี้จะมีหลักสูตรที่มีเนื้อหา  ครอบคลุม  หลากหลายวิชาทั้งภาคทฤษฎี  และปฎิบัติ  แต่ละหลักสูตรมีระยะเวลายาวนาน   ค่าเล่าเรียนสูงกว่าสถาบันแบบแรก  แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับถือว่าคุ้มค่าสูงสุดกว่า  เพราะผู้เรียนสามารถเริ่มประกอบธุรกิจได้ทันที ถ้ามีทุน สถานที่พร้อมก็ไม่มีปัญหา   ส่วนด้านการตลาดในหลักสูตรก็สอนไว้หมดแล้วทั้งด้านการสร้างตลาดแฟชั่นนั้น   ออฟไลน์  และออนไลน์  เน้นสอนตีโจทย์ตลาดให้แตก  สอนให้วิเคราะห์   ค้นหาไอเดีย  และสร้างความแตกต่างให้โดดเด่นจนเป็นผู้นำแฟชั่นได้ในแบบคุณ 

สำหรับบก. เองก็มีโอกาสได้เล่าเรียนกับสถาบันแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านนี้โดยเฉพาะ  และถือว่าเป็นสถาบันสร้างนักธุรกิจด้านแฟชั่น  และการออกแบบแห่งแรกของประเทศไทย  ที่มีชื่อเสียงมาจากสิงคโปร์มาหลายสิบปี และหลายประเทศทั่วโลก  สถาบันนี้ชื่อว่า  Raffles International College Bangkok – วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์”   และปัจจุบันมีสาขาในประเทศไทยด้วยเช่นกัน  แคมปัสใหม่ตั้งอยู่ที่บางนา  ตึกหรู  รโฐาน  สง่ามาก  สิ่งที่บก.ชื่นชอบและอยากขอบคุณที่่นี่ด้วยก็คือ  ราฟเฟิลส์เค้าสร้างโอกาสทางธุรกิจให้บก. ตั้งแต่ยังเรียนปี 2 เพราะสนามสอบของบก. คือ  มีโอกาสร่วมเดินอบบคอลเล็คชั่นตัวเองในงานเดินแบบโชว์เคสใหญ่โรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่ง  จนผลงานเราไปเข้าตานักลงทุนจากต่างชาติห้องเสื้อดัง  จ้างเราเป็นนักแฟชั่นดีไซน์เนอร์สัญญาจ้าง 3 ปีทันที  จนตอนนี้บก.เป็นเจ้าของห้องเสื้อเอง  ก็มีคู่ค้าในวงการระดับโลกทำงานร่วมกันอีกมาก  สำหรับอีกเหตุผลที่ บก. เลือกเรียนที่นี่ก็เพราะ พอสุดท้าย (ปี 3) บก.เลือดขอโอนเรียนที่อังกฤษ และได้รับปริญญาตรีที่ได้รับการรับรองและออกโดยมหาวิทยาลัยนอร์ธธัมเบรีย นิวคาสเซิล (Northumbria University Newcastle, UK)







Facebook I Line I IG I Youtube I Twitter
@Rafflesbkk
Google Map :






6   Steps to be Fashion Designer บันได 6 ขั้นสู่อาชีพนักออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้ามือพระกาฬ   ปัจจุบันนี้ จะสังเกตเห็นว่าหลายคนพยาย...